วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2558

สรุปเนื้อหาที่ได้เรียนใน วันเสาร์ที่ 17 เดือนตุลาคม 2558
รายวิชา นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์ ภัทรดร จั้นวันดี




บันได 5 ขั้นเพื่อการพัฒนาผู้เรียน : QSCCS
1. การตั้งคำถาม/สมมติฐาน (Hypothesis Formulation)
      เป็นการฝึกผู้เรียนให้รู้จักคิด สังเกตตั้งคำถามอย่างมีเหตุผลและสร้างสรรค์ซึ่งจะส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ในการตั้งคำถาม (Learning to Question)
2. การสืบค้นความรู้และสารสนเทศ(Searching for Information)
     เป็นการฝึกแสวงหาความรู้ข้อมูล และสารสนเทศ จากแหล่งเรียนรู้อย่างหลากหลายเช่น ห้องสมุด อินเทอร์เน็ตหรือจากการฝึกปฏิบัติทดลอง เป็นต้น ซึ่งจะส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ในการแสวงหาความรู้(Learning to Search)
3. การสร้างองค์ความรู้ (Knowledge Formation)
     เป็นการฝึกให้ผู้เรียนนำความรู้และสารสนเทศที่ได้จากการแสวงหาความรู้มาถกแถลง อภิปราย เพื่อนำไปสู่การสรุปและสร้างองค์ความรู้(Learning to Construct)
4. การสื่อสารและนำเสนออย่างมีประสิทธิภาพ (Effective Communication)
     เป็นการฝึกให้ผู้เรียนนำความรู้ที่ได้มาสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพซึ่งจะส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และมีทักษะในการสื่อสาร(Learning to Communicate)
  5. การบริการสังคมและจิตสาธารณะ (Public Service)
     เป็นการนำความรู้สู่การปฏิบัติซึ่งผู้เรียนจะต้องเชื่อมโยงความรู้ไปสู่การทำประโยชน์ให้กับสังคมและชุมชนรอบตัวตามวุฒิภาวะของผู้เรียนและจะส่งผลให้ผู้เรียนมีจิตสาธารณะและบริการสังคม(Learning to Serve)
เพื่อให้นักเรียนมีความสามารถพื้นฐานเบื้องต้นสำคัญที่ใช้ในการเรียนรู้ 3 ด้าน คือ 
ความสามารถด้านภาษา (Literacy)
ความสามารถด้านคำนวณ (Numeracy)
ความสามารถด้านเหตุผล (Reasoning ability)






เด็กไทยในศตวรรษที่ 21 

ในการจัดการเรียนในศตวรรษที่ 21 ครูจึงต้องมีความตื่นตัวและเตรียมพร้อมในการจัดการเรียนรู้เพื่อเตรียมความพร้อมให้นักเรียนมีทักษะสำหรับการออกไปดำรงชีวิตในโลกในศตวรรษที่ 21 ที่เปลี่ยนไปจากศตวรรษที่ 20 และ 19 โดยทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ที่สำคัญที่สุด คือ ทักษะการเรียนรู้ (Learning Skill) ส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงการจัดการเรียนรู้เพื่อให้เด็กในศตวรรษที่ 21 นี้ มีความรู้ ความสามารถ และทักษะจำเป็น ซึ่งเป็นผลจากการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงรูปแบบการจัดการเรียนการสอน ตลอดจนการเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ ทักษะของคนในศตวรรษที่ 21 ที่ทุกคนจะต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต คือ การเรียนรู้ 3R x 7C
3R คือ Reading (อ่านออก), (W)Riting (เขียนได้), และ (A)Rithemetics (คิดเลขเป็น)
7C ได้แก่
Critical Thinking and Problem Solving (ทักษะด้านการคิดอย่างมี
วิจารณญาณ และทักษะในการแก้ปัญหา)
Creativity and Innovation (ทักษะด้านการสร้างสรรค์ และนวัตกรรม)
Cross-cultural Understanding (ทักษะด้านความเข้าใจความต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์)
Collaboration, Teamwork and Leadership (ทักษะด้านความร่วมมือ การ
ทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ)
Communications, Information, and Media Literacy (ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศ และรู้เท่าทันสื่อ)
Computing and ICT Literacy (ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร)
Career and Learning Skills (ทักษะอาชีพ และทักษะการเรียนรู้)








นายณัฐพงษ์  โพนสูง  รหัส 58723713220 หมู่ 2

วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2558

สรุปเนื้อหาที่ได้เรียนใน วันเสาร์ที่ 10 เดือนตุลาคม 2558
รายวิชา นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์ ภัทรดร จั้นวันดี

สรุปความรู้ที่ได้จากรายงาน ในวันเสาร์ 
1. สื่อ
2. แหล่งเรียนรู้
3. การวัดและการประเมินผล
4.ระบบ
5.บูรณาการ

มีรายละเอียดดังนี้

"1.สื่อการสอน"

สื่อการสอน (Instructional Media) หมายถึงสิ่งต่าง ๆ ที่ใช้เป็นเครื่องมือ หรือช่องทางสำหรับทำให้การสอนของครูไปถึงผู้เรียน และทำให้ผู้เรียนเรียนรู้ตามจุดประสงค์ หรือจุดมุ่งหมายที่วางไว้เป็นอย่างดี สื่อที่ใช้ในการสอนนี้ อาจจะเป็นวัตถุสิ่งของที่มีตัวตน หรือไม่มีตัวตนก็ได้ เช่น - วัตถุสิ่งของตามธรรมชาติ - ปรากฎการณ์ตามธรรมชาติ - วัตถุสิ่งของที่คิดประดิษฐ์หรือสร้างขึ้นสำหรับการสอน - คำพูดท่าทาง - วัสดุ และเครื่องมือสื่อสาร - กิจกรรมหรือกระบวนการถ่ายทอดความรู้ต่าง ๆ
ความหมาย ความสำคัญของสื่อการสอน และประเภทของสื่อการสอน นักวิชาการในวงการเทคโนโลยีทางการศึกษา โสตทัศนศึกษา และวงการการศึกษา ได้ให้คำจำกัดความของ “สื่อการสอน” ไว้อย่างหลากหลาย เช่น
ชอร์ส กล่าวว่า เครื่องมือที่ช่วยสื่อความหมายจัดขึ้นโดยครูและนักเรียน เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ เครื่องมือการสอนทุกชนิดจัดเป็นสื่อการสอน เช่น หนังสือในห้องสมุด โสตทัศนวัสดุต่าง ๆ เช่น โทรทัศน์ วิทยุ สไลด์ ฟิล์มสตริป รูปภาพ แผนที่ ของจริง และทรัพยากรจากแหล่งชุมชน
บราวน์ และคณะ กล่าวว่า จำพวกอุปกรณ์ทั้งหลายที่สามารถช่วยเสนอความรู้ให้แก่ผู้เรียนจนเกิดผลการเรียนที่ดี ทั้งนี้รวมถึง กิจกรรมต่าง ๆ ที่ไม่เฉพาะแต่สิ่งที่เป็นวัตถุหรือเครื่องมือเท่านั้น เช่น การศึกษานอกสถานที่ การแสดง บทบาทนาฏการ การสาธิต การทดลอง ตลอดจนการสัมภาษณ์และการสำรวจ เป็นต้น
เปรื่อง กุมุท กล่าวว่า สื่อการสอน หมายถึงสิ่งต่าง ๆ ที่ใช้เป็นเครื่องมือหรือช่องทางสำหรับทำให้การสอนของครูถึงผู้เรียนและทำให้ผู้เรียนเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์หรือจุดมุ่งหมายที่ครูวางไว้ได้เป็นอย่างดี
ชัยยงค์ พรหมวงศ์ ให้ความหมาย สื่อการสอนว่า วัสดุอุปกรณ์และวิธีการประกอบการสอนเพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการสื่อความหมายที่ผู้สอนประสงค์จะส่ง หรือถ่ายทอดไปยังผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังมีคำอื่น ๆ ที่มีความหมายใกล้เคียงกับสื่อการสอน เป็นต้นว่า
สื่อการเรียน หมายถึง เครื่องมือ ตลอดจนเทคนิคต่าง ๆ ที่จะมาสนับสนุนการเรียนการสอน เร้าความสนใจผู้เรียนรู้ให้เกิดการเรียนรู้ เกิดความเข้าใจดีขึ้น อย่างรวดเร็ว
สื่อการศึกษา คือ ระบบการนำวัสดุ และวิธีการมาเป็นตัวกลางในการให้การศึกษาความรู้แก่ผู้เรียนโดยทั่วไป โสตทัศนูปกรณ์ หมายถึง วัสดุทั้งหลายที่นำมาใช้ในห้องเรียน หรือนำมาประกอบการสอนใด ๆ ก็ตาม เพื่อช่วยให้การเขียน การพูด การอภิปรายนั้นเข้าใจแจ่มแจ้งยิ่งขึ้น


"2.แหล่งการเรียนรู้"

ความหมายของแหล่งการเรียนรู้
        แหล่งการเรียนรู้  หมายถึง  แหล่งข่าวสารข้อมูล  สารสนเทศ  แหล่งความรู้ทางวิทยาการ
และประสบการณ์ที่สนับสนุนส่งเสริมให้ผู้เรียน ใฝ่เรียน ใฝ่รู้ แสวงหาความรู้และเรียนรู้ด้วยตนเอง
ตามอัธยาศัยอย่างกว้างขวางและต่อเนื่องจากแหล่งต่าง ๆ  เพื่อเสริมสร้างให้ผู้เรียนเกิดกระบวนการเรียนรู้  และเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้   
  
ความสำคัญของแหล่งการเรียนรู้     
        1.  เป็นแหล่งการศึกษาตามอัธยาศัย
        2.  เป็นแหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต
        3.  เป็นแหล่งปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน  การศึกษาค้นคว้าและการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง
        4.  เป็นแหล่งสร้างเสริมประสบการณ์ภาคปฏิบัติ
        5.  เป็นแหล่งสร้างเสริมความรู้  ความคิด  วิทยาการและประสบการณ์
     
วัตถุประสงค์ของการจัดแหล่งการเรียนรู้ในโรงเรียน 
        1.  พัฒนาโรงเรียนให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้  มีแหล่งข้อมูล  ข่าวสาร  ความรู้วิทยาการ  และสร้างเสริม ประสบการณ์ที่กว้างขวางหลากหลาย
        2.  เสริมสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ในโรงเรียน  โดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
        3.  จัดระบบและพัฒนาเครือข่ายสารสนเทศ  และแหล่งการเรียนรู้ในโรงเรียน
        4.  ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีทักษะการเรียนรู้  เป็นผู้ใฝ่เรียน  ใฝ่รู้  และเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่อง
เรียนรู้ได้ทุกเวลาทุกสถานที่
ประเภทของแหล่งการเรียนรู้ 
        แหล่งการเรียนรู้แบ่งเป็น  2  ประเภท  ดังนี้


"3.การวัดและประเมิน"

การวัดและประเมินผลเป็นส่วนหนึ่งของการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ซึ่งจะต้องดำเนินควบคู่กันไปอย่างต่อเนื่อง การบูรณาการหรือการประสมประสานวัด และประเมินผลกับการเรียนการสอนเข้าด้วยกัน
จะส่งผลดีต่อการพัฒนาการศึกษานานับประการ การวัดและประเมินผลมีบทบาทและอิทธิพลต่อการเรียนการสอน ดังนี้



1. การวัดและประเมินผลเป็นการติดตามกิจกรรมการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่อง
การวัดและประเมินผลที่มีประสิทธิภาพจะให้ข้อมูลที่ถูกต้อง เที่ยงตรง สำหรับการตัดสินใจเกี่ยวกับการสอนที่มีประสิทธิภาพ เป็นข้อมูลย้อนกลับที่จะช่วยติดตาม กำกับ ดูแล ความก้าวหน้าของผู้เรียนตลอดเวลา โดยผู้สอนจะนำข้อมูลดัง
กล่าวมาพิจารณาปรับแนวทางการจัดกิจกรรมให้สอดคล้องกับสภาพความพร้อม และพื้นฐานของผู้เรียน
2. การวัดและประเมินผลเป็นเครื่องมือผลักดันหรือกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาเปลี่ยนแปลงการเรียนการสอนและส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียน
การวัดผลเป็นเครื่องมือผลักดันการสอนให้เป็นไปในทิศทางที่ต้องการ เนื่องจากรูปแบบวิธีการวัดผลมีอิทธิผลโน้มน้าวให้
การเรียนการสอนต้องปรับตามให้สอดคล้องกันโดยอัตโนมัติ ดังนั้น ถ้าต้อง การปรับการเรียนการสอนให้เป็นไปในทิศทางใด ก็ออกแบบการวัดผลที่ส่งผลให้เป็นไปทิศทางนั้น ก็สามารถผลักดันให้การเรียนการสอนเป็นไปตามที่ต้องการได้ เช่น ออกแบบการ
วัดให้มุ่งประเมินการคิดแก้ปัญหาที่ซับซัอน ก็จะนำไปสู่การเรียนการสอนเพื่อแก้ปัญหาที่ซับซ้อนในด้านต่าง ๆ ตามมาและจากประสบการณ์นี้จะนำไปสู่การวิจัยในชั้นเรียนเพื่อหารูปแบบการวัดผลประเมินผล และการจัดการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพสำหรับพัฒนาผู้เรียนต่อไป
3. การวัดและประเมินผลเป็นเครื่องมือนำไปสู่การพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน
การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนในขณะทำกิจกรรมการเรียนการสอน จะช่วยให้ผู้ เรียนตระหนักถึงความ
สามารถและการพัฒนาการเรียนรู้ของตนเองอย่างต่อเนื่องและมีคุณธรรม ผู้เรียนจะได้ค้นพบความรู้ใหม่และแนวคิดในการแก้ปัญหา เพื่อการทำงานด้วยตนเองหรือจากการแนะนำของผู้อื่น
การวัดและการประเมินผลการเรียนรู้
การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ควรยึดหลักการของการประเมินผล เพื่อการค้นหาและการพัฒนาศักยภาพของผู้เรียน
และเป็นการประเมินผลที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ซึ่งลักษณะการประเมินผลการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ดังนี้

1. การประเมินการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เป็นการประเมินตามสภาพจริงที่มุ่งรวบรวมสารสนเทศของพัฒนาการและการเรียน
2. การประเมินการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เป็นการประเมินตามสภาพจริง ที่มุ่งเน้นพัฒนาการที่เกิดขึ้นอย่างเด่นชัด
3. การประเมินการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เป็นการประเมินสภาพจริงให้ความสำคัญกับจุดเด่นของผู้เรียน
4. การประเมินการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เป็นการประเมินสภาพจริงที่เป็นผลมาจากการจัดการหลักสูตรการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
5. การประเมินการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เป็นการประเมินสภาพที่สถานการณ์สอด คล้องกับชีวิตจริง
6. การประเมินการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เป็นการประเมินสภาพจริงที่อาศัย การปฏิบัติ
7. การประเมินการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เป็นการประเมินสภาพจริงที่สอดคล้องกลม กลืนกับการเรียนการสอน
8. การประเมินการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เป็นการประเมินสภาพจริงที่เน้นการเรียนรู้อย่างมีจุดมุ่งหมาย
9. การประเมินการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เป็นการประเมินสภาพจริงที่ต้องดำเนินการควบคู่ไปกับทุกสภาพแวดล้อม
10. การประเมินการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เป็นการประเมินสภาพจริงที่สามารถให้ภาพเรื่องราวการเรียนรู้และความสามารถของผู้เรียนทั่ว ๆ ไปและกว้างขวาง
11. การประเมินการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เป็นการประเมนสภาพจริงต้องอาศัยความร่วมมือกันระหว่างผู้ปกครอง ผู้สอน และผู้เรียน รวมทั้งบุคคลในวิชาชีพอื่น ๆ ตาม ความจำเป็น

4. การวัดและประเมินผลช่วยเสริมประสิทธิภาพของการจัดการ

การวัดและประเมินผลในระดับมหภาค ไม่ว่าจะเป็นระดับประเทศ ระดับเขตหรือระดับจังหวัด ระดับสถานศึกษา เช่น การประเมินเพื่อพัฒนาหลักสูตรทั้งระบบ ผลจากการประเมินสามารถนำมากำหนดยุทธศาสตร์เพื่อพัฒนาการบริหารจัดการ อันนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้อย่างเหมาะสม และมีประสิทธิภาพ

"4.ระบบ"
 เป็นการนำเอาวิธีระบบ หรือการจัดระบบมาใช้ในการเรียนการสอน ซึ่งประกอบด้วยข้อมูลที่ป้อน (Input) กระบวนการ(Process) และมีผลผลิต (Output) เช่น ระบบการสอน จะมีองค์ประกอบย่อย ๆ เช่น ระบบครูผู้สอน ระบบนักเรียน ระบบสื่อการสอน ระบบการเลือกและใช้สื่อการสอน หรือแหล่งการเรียนรู้ ซึ่งหน่วยย่อยเหล่านี้ สามารถทำงานในหน้าที่ของตนอย่างมีอิสระ แต่ถ้าหน่วยย่อยนั้นมีการเปลี่ยนแปลงก็จะส่งผลกระทบถึงหน่วยย่อยอื่น ๆ ด้วย 
 ระบบการสอนที่มีการออกแบบโดยใช้วิธีระบบ (Systematic approach) มีการทดลองใช้อย่างกว้างขวาง มีการกำหนดขั้นตอนการสอน เช่น มีการกำหนดวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ การใช้แหล่งความรู้ ให้สามารถตอบสนองต่อความแตกต่างระหว่างบุคคลของผู้เรียน เช่น วัย เพศ อัตราการเรียนรู้ ความสามารถทางด้านสติปัญญา ความสนใจ ความถนัด ประสบการณ์เดิม ตลอดจนพื้นฐานทางวัฒนธรรม ซึ่งครูผู้สอนและนักเทคโนโลยีการศึกษา จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการออกแบบพัฒนาระบบการสอน


"5.บูรณาการ"

ความหมายการสอนแบบบูรณาการ

สำหรับการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ(Integrated Management) หมายถึง กระบวนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ตามความสนใจ ความสามารถ โดยเชื่อมโยงเนื้อหาสาระของศาสตร์ต่างๆที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กันให้ผู้เรียนเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม สามรถนำความรู้ ทักษะ และเจตคติไปสร้างงาน แก้ปัญหาและใช้ในชีวิตประจำวันได้ด้วยตนเอง

หลักสูตรบูรณาการ(Integrated Curriculum) หมายถึง การรวมเนื้อหาสาระของวิชาต่างๆ ในหลักสูตรที่มีลักษณะเหมือนกัน หรือคล้ายกันและทักษะในการเรียนรู้ ให้เชื่อมโยงสัมพันธ์เป็นสิ่งเดียวกัน โดยการตั้งเป็นหัวข้อเรื่องขึ้นใหม่ และมีหัวข้อย่อยตามเนื้อหาสาระ อีกทั้งสอดคล้องกับบริบทการเรียนรู้ของสังคมอย่างสมดุล มีความหมายแก่ผู้เรียน และให้โอกาสผู้เรียนในการปฏิบัติกิจกรรมด้วยตนเองให้มากที่สุด และการสอนแบบบูรณาการ หมายถึง การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่ใช้วิธีสอนหลายวิธี จัดกิจกรรมต่างๆในการสอนเนื้อหาสาระที่เชื่อมโยงกัน ตลอดจนมีการฝึกทักษะที่หลากหลาย



นายณัฐพงษ์  โพนสูง รหัส 58723713220 หมู่ 2
สรุปบทเรียนรายวิชานวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการ อ.ภัทรดร  จั้นวันดี   วันเสาร์ที่ 3 ตุลาคม 2558

อาจารย์แบ่งกลุ่ม 5 กลุ่ม มีดังนี้
1.สื่อการสอน
2.แหล่งเรียนรู้
3.การวัดและประเมินผล
4.ระบบ
5.การบูรณาการ

โดยกลุุ่มผมได้เรื่อง 

"แหล่งการเรียนรู้"

ความหมายของแหล่งการเรียนรู้
        แหล่งการเรียนรู้  หมายถึง  แหล่งข่าวสารข้อมูล  สารสนเทศ  แหล่งความรู้ทางวิทยาการ
และประสบการณ์ที่สนับสนุนส่งเสริมให้ผู้เรียน ใฝ่เรียน ใฝ่รู้ แสวงหาความรู้และเรียนรู้ด้วยตนเอง
ตามอัธยาศัยอย่างกว้างขวางและต่อเนื่องจากแหล่งต่าง ๆ  เพื่อเสริมสร้างให้ผู้เรียนเกิดกระบวนการเรียนรู้  และเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้   
  
ความสำคัญของแหล่งการเรียนรู้     
        1.  เป็นแหล่งการศึกษาตามอัธยาศัย
        2.  เป็นแหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต
        3.  เป็นแหล่งปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน  การศึกษาค้นคว้าและการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง
        4.  เป็นแหล่งสร้างเสริมประสบการณ์ภาคปฏิบัติ
        5.  เป็นแหล่งสร้างเสริมความรู้  ความคิด  วิทยาการและประสบการณ์
     
วัตถุประสงค์ของการจัดแหล่งการเรียนรู้ในโรงเรียน 
        1.  พัฒนาโรงเรียนให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้  มีแหล่งข้อมูล  ข่าวสาร  ความรู้วิทยาการ  และสร้างเสริม ประสบการณ์ที่กว้างขวางหลากหลาย
        2.  เสริมสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ในโรงเรียน  โดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
        3.  จัดระบบและพัฒนาเครือข่ายสารสนเทศ  และแหล่งการเรียนรู้ในโรงเรียน
        4.  ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีทักษะการเรียนรู้  เป็นผู้ใฝ่เรียน  ใฝ่รู้  และเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่อง
เรียนรู้ได้ทุกเวลาทุกสถานที่
ประเภทของแหล่งการเรียนรู้ 
        แหล่งการเรียนรู้แบ่งเป็น  2  ประเภท  ดังนี้