สรุปเนื้อหาที่ได้เรียนใน วันเสาร์ที่ 24 เดือนตุลาคม 2558
รายวิชา นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์ ภัทรดร จั้นวันดี
รายวิชา นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์ ภัทรดร จั้นวันดี
สรุปงานกลุ่มของโรงเรียนพรชัยวิชชาลัย
ประวัติโรงเรียนพรชัยวิชชาลัย

ปรัชญาการศึกษาของโรงเรียน : การศึกษาเป็นการพัฒนาชีวิต ชีวิตจะมีการพัฒนา การศึกษาเป็นปัจจัย
สีประจำโรงเรียน : สีฟ้า – เทา
คติพจน์ของโรงเรียน : เรียนดี มีวินัย ใฝ่คุณธรรม เป็นผู้นำอาเซียน
โรงเรียนพรชัยวิชชาลัยอักษรย่อว่า : พช
สถานที่ตั้ง

เหตุผลที่ศึกษาโรงเรียนนี้
เนื่องจากโรงเรียนพรชัยวิชชาลัยเป็นโรงเรียนที่พึ่งทำการเปิดใหม่และเป็นโรงเรียนที่เปิดทำการสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลจนถึงระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และเป็นโรงเรียนเอกชน ที่รับนักเรียนเข้ามาศึกษาด้วยวิธีการรับสมัคร ไม่ได้ทำการสอบคัดเลือกเข้ามาเรียนเหมือนโรงเรียนอื่นๆ จึงมีนักเรียนที่มาจากหลายครอบครัว มีทั้งเด็กเก่ง เด็กปานกลาง เด็กอ่อน มาอยู่รวมกัน สิ่งที่น่าสนใจของโรงเรียนก็คือ โรงเรียนจะเน้นด้านวิชาการเป็นสำคัญและส่งนักเรียนไปแข่งขันทางวิชาการจนได้รับรางวัลมากมาย แต่ก็จะมีเด็กบางส่วนที่อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ ทางโรงเรียนก็มาพิจารณาว่าสาเหตุเกิดจากอะไรกันแน่ ระหว่างตัวเด็กนักเรียนที่ขาดความสนใจเรียนลงไป อันเนื่องมาจากสื่อและสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป ครูผู้สอนในระดับประถมศึกษาที่ไม่ได้เรียนจบมาทางด้านการสอนภาษาไทย ทำให้สอนไม่เป็น ขาดหลักการ ขาดกลวิธีการสอนอ่าน ไม่สนใจสอน ปล่อยปละละเลย โรงเรียนไม่มีระบบรองรับที่จะช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหาเฉพาะ สื่อการเรียนการสอนภาษาไทย ที่มีลักษณะยัดเยียดความรู้ปลีกย่อยที่ไม่จำเป็น ไม่เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็ก หรือจะอยู่ที่ผู้ปกครอง ที่ไม่ได้ใช้เวลาที่บ้านพัฒนาด้านการอ่านหรือเขียน ไม่จัดหาหนังสือ หรือส่งเสริมการอ่านของบุตรหลาน จากนั้นทางโรงเรียนจึงทำโครงการขึ้นมาเพื่อพัฒนาให้เด็กส่วนนี้อ่านออกเขียนได้ และเพื่อทดสอบความรู้ความสามารถของผู้เรียนทางโรงเรียนจึงให้เด็กไปสอบแข่งขันทางวิชาการยังสถานที่ต่างๆ เพื่อให้เด็กได้ทดสอบความรู้และทำให้เด็กเกิดความกระตือรือร้นในการเรียนมากยิ่งขึ้น
4. ผลสำเร็จปัญหาในการจัดการเรียนการสอน
ปัญหานักเรียนอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ ซึ่งเป็นปัญหาที่ทางโรงเรียนจะต้องให้ความสนใจและหาวิธีแก้ไขโดยเร่งด่วน ดังนี้
1. มีการทดสอบความรู้ของนักเรียนที่มาสมัครเรียนเพื่อจัดแยกห้องเรียนตามศักยภาพ
เป็นการจัดนักเรียนทั้งระดับชั้น ให้เข้าห้องเรียนใหม่ตามศักยภาพหรือความสามารถทางภาษาของตนเอง โดยที่ครูผู้สอนจะต้องเตรียมการสอนในกลุ่มการเรียนรู้ที่มีความสอดคล้องกับศักยภาพของเด็กด้วย ซึ่งในห้องที่นักเรียนอ่านไม่ออก หรือเขียนไม่ได้ หรือห้องที่มีความสามารถต่ำสุดนั้น โรงเรียนจะจัดครูเข้าช่วยพัฒนานักเรียนได้มากกว่า 1 คน หรือใช้ครูที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องของการสอนให้อ่านออกเขียนได้เข้ามา โดยใช้วิธีสอนและสื่อการสอนที่เข้มข้นมากกว่าชั้นเรียนอื่น ๆ เพื่อช่วยเหลือและพัฒนานักเรียนกลุ่มนี้เป็นการเฉพาะ
ผลที่ได้ คือ ผู้เรียนมีความกระตือรือร้นในการเรียน เพราะการเรียนส่วนใหญ่ผู้เรียนจะแข่งกันเรียนจึงทำให้ผู้เรียนขยันที่จะใฝ่รู้ ใฝ่เรียน มากยิ่งขึ้น เนื่องจากกลัวเรียนไม่ทันเพื่อน
2. สื่อและวัสดุการเรียนรู้
หนังสือเรียนที่กระทรวงศึกษาธิการใช้ แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อการพัฒนา การอ่านออกเขียนได้ ทางโรงเรียนจึงได้จัดหาสื่อการเรียนการสอน จำพวกหนังสือส่งเสริมการอ่าน ไม่ว่าจะเป็นนิทาน เรื่องสั้น หนังสือสำหรับเด็กที่มีรูปภาพประกอบสวยงามน่าอ่าน เพื่อมาจูงใจให้นักเรียนสนใจ การอ่านเพิ่มเติมด้วย และจัดให้มีมุมหนังสือภายในห้อง หรือทุก ๆ ที่ในโรงเรียน เช่น จัดสถานที่บริเวณที่นักเรียนรอผู้ปกครองมารับให้มีมุมหนังสือสำหรับอ่านรอ นอกจากนี้ ยังจัดทำแบบฝึก เพื่อฝึกหัดให้นักเรียนเขียนและอ่านอย่างเป็นระบบ ไล่ลำดับตามความยากง่าย ซึ่งโรงเรียนก็ได้จัดทำขึ้นเองตามบริบท ของโรงเรียน เพราะปัญหาการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ในแต่ละห้องนั้นแตกต่างกัน
ผลที่ได้ คือ เมื่อโรงเรียนมีการเลือกสื่อการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับตัวผู้เรียนและมีการจัดกิจกรรมต่างๆ ให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตลอดเวลา จึงทำให้ผู้เรียนได้พัฒนาความคิดและมีความรู้มากยิ่งขึ้น
3. การจัดสิ่งแวดล้อมและบรรยากาศ
นักเรียนจะอ่านออกและเขียนได้ เมื่ออยู่ในโรงเรียนที่เป็นโรงเรียนรู้หนังสือ (literacy school) ทางผู้บริหารและคณะครูจึงได้จัดบรรยากาศแวดล้อมภายในโรงเรียนให้เต็มไปด้วยสิ่งที่ให้นักเรียนอ่าน เขียน คิด อยู่ตลอดเวลา แล้วก็มีป้ายนิเทศ แจ้งข้อมูล ข่าวสาร นำเสนอผลงานนักเรียน ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนโดยตลอด มีมุมหรือมีฝาผนังที่เหมาะแก่การจัดวางเอกสาร มีแท่นหรือโต๊ะสำหรับวางหนังสือประเภทต่าง ๆ ให้นักเรียนเลือกอ่านได้อย่างอิสระ มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน เช่น กิจกรรมห้องสมุด กิจกรรมประกวดการอ่าน กิจกรรมประกวดการเขียน กิจกรรมเลือกหนังสือ กิจกรรมเล่านิทาน กิจกรรมแต่งเรื่องจากภาพสัปดาห์ละครั้ง กิจกรรมพูดรายงานหน้าเสาธง รายงานหน้าห้องเรียน โดยเปิดโอกาสให้นักเรียนอ่านและเขียนได้อย่างอิสระโดยตลอดเวลา เพื่อให้นักเรียนเกิดความคุ้นเคย เห็นว่าการอ่านและการเขียนเป็นกิจกรรมหนึ่งในชีวิตประจำวัน ไม่ทำให้พวกเขารู้สึกเบื่อหน่าย และรู้สึกว่าเรื่องการอ่านและเขียนเป็นเรื่องที่ดูวิชาการ หนัก หรือยากเกินไปสำหรับพวกเขา
ผลที่ได้ คือ เมื่อบรรยากาศในโรงเรียนเต็มไปด้วยสิ่งที่นำไปสู่การพัฒนา การเรียนรู้ ข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่จะทำให้ผู้เรียนได้ฝึกอ่าน ฝึกเขียน นักเรียนเกิดการเรียนรู้ตลอดเวลา ได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ก็จะนำไปสู่การพัฒนาที่ทำให้ผู้เรียน อ่านออก เขียนได้มากขึ้น
4. จัดทำแผนงานโครงการเป็น ๒ โครงการสำคัญ คือ
1. โครงการป้องกันปัญหา
โครงการนี้จะต้องจัดทำอย่างจริงจังและถูกต้องเพื่อป้องกันปัญหาแบบยั่งยืนที่ชั้น อนุบาล และชั้น ป.๑ นั่นก็คือ
(1) จัดกิจกรรมการเรียนการสอนระดับอนุบาลด้วยการเตรียมความพร้อมด้านทักษะภาษาก่อนขึ้น ป.1 ดังนี้
-เปล่งคำและเปล่งเสียงพูดชัดเจนทุกเสียงอักขระในถ้อยคำต่างๆ ไม่น้อยกว่าระดับชั้นอนุบาลละ 5,000คำ
(รวมทั้งเปล่งเสียงท่องบทอาขยาน ร้องเพลง และพูดสื่อสารถามตอบได้ชัดเจนตามเสียงอักขระและเสียงคำควบกล้ำ, ฟังนิทาน เรื่องเล่า และพูดถามตอบได้ชัดเจนตามเสียงอักขระและเสียงคำควบกล้ำ)
-เปล่งเสียงท่องพยัญชนะ ก - ฮ และสระทั้ง 32 สระ ได้ถูกฐานเสียงจนเกิดทักษะจดจำได้
-มีพัฒนาการการจับดินสอ ปรับระยะสายตา เขียนเส้นลีลาต่างๆ และวาดรูปอย่างมีทักษะทิศทางเส้นสมบูรณ์ก่อนการเขียนตัวอักษร
-สามารถเขียนพยัญชนะ ก - ฮ สระทั้ง 32 สระ วรรณยุกต์ทั้ง 4 รูป และตัวเลข 0 - 9
ฝึกเตรียมทักษะด้านภาษาเพียงเท่านี้ให้ได้อย่างครบถ้วนแท้จริง โดยไม่ต้องฝึกอ่านและเขียนคำ เพราะขั้นตอนการฝึกอ่านและเขียนคำเป็นหน้าที่ของครู ป.1 การเร่งฝึกอ่านเขียนก่อนวัยอันสมควร จะเป็นโทษแก่เด็กมากกว่าเป็นผลดี ซ้ำยังทำให้ครูอนุบาลไม่มีเวลาฝึกเตรียมทักษะพื้นฐานข้างต้นให้สมบูรณ์เพียง พออีกด้วย
(2) จัดการเรียนการสอนภาษาไทย ป.1 เพื่อการอ่านออกเขียนได้อย่างมีมาตรฐาน ดังนี้
-ครูจัดทำชาร์ตแบบฝึกอ่านเขียนที่ถูกต้องและมีมาตรฐานตามหนังสือ เด็กอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้แก้ง่ายนิดเดียว
-ครูจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบบันไดทักษะ 4 ขั้นวันละ 2 ชั่วโมง
-นักเรียนมี “สมุดคัดลายมือ” ที่แสดงผลการเรียนต่อเนื่อง
-นักเรียนมี “สมุดเขียนตามคำบอก” ที่แสดงผลการเรียนต่อเนื่องอย่างสอดคล้องกับสมุดคัดลายมือ และแสดงผลการแก้ไขปรับปรุงอย่างมีพัฒนาการ
-ครูมีบัญชีแสดงการมาเรียนของนักเรียน
-เมื่อสอนครบเนื้อหาหลักสูตรได้มีการทดสอบ “เขียนตามคำบอก” ด้วยคำมาตรฐาน 50 คำและแสดงหลักฐานได้อย่างเป็นระบบที่ง่ายต่อการตรวจสอบ
2. โครงการเฉพาะกิจแก้ปัญหาเร่งด่วนที่ชั้น ป.2 ขึ้นไป
เนื่องจากเด็กที่เลื่อนชั้นจาก ป.1 มาอยู่ในชั้นเรียนต่างๆ ขณะนี้จำนวนมากยังอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ จึงจำเป็นต้องจัดทำโครงการแก้ปัญหาเฉพาะกิจเร่งด่วน ดังนี้
(1) สำรวจสภาพปัญหาด้วยการให้เด็กชั้น ป.2 ขึ้นไปเขียนตามคำบอกจากคำทดสอบ 50 คำ โดยที่คำทดสอบนี้มีมาตรฐานพื้นทักษะระดับชั้น ป.1 ซึ่งมีค่าความยากง่ายเฉลี่ยองค์ประกอบของคำครอบคลุม
-คำที่มีพยัญชนะต้นอักษรสามหมู่
-คำที่สะกดตรงมาตราทั้ง 9 แม่
-คำที่ประสมสระไม่น้อยกว่า 20 สระขึ้นไป
-คำควบกล้ำและคำอักษรนำ
-คำผันเสียงวรรณยุกต์ทั้งสามหมู่อักษร
ชุดคำทดสอบ 50 คำ มีให้เลือกในหนังสือ เด็กอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้แก้ง่ายนิดเดียว จำนวน ๒ ชุด อาจออกคำทดสอบเพิ่มเติมจากหลักการมาตรฐานดังกล่าวได้อีกตามที่เห็นเหมาะสม
นักเรียนที่ได้คะแนนไม่ถึง 25 คะแนนให้คัดจำแนกเด็กเป็นกลุ่มๆ เข้าสู่โครงการแก้ปัญหา
(2) จำแนกเด็กเป็นกลุ่มๆ กลุ่มละไม่เกิน 20 คน โดยพิจารณาให้เด็กเรียนช้าอยู่กับช้า เด็กเรียนเร็วอยู่กับเร็ว รวมทั้งดูวัยให้ใกล้เคียงกัน และดูคะแนนความสามารถที่ใกล้เคียงกันให้อยู่กลุ่มเดียวกันด้วย
(3) จัดให้มีครูเป็นผู้รับผิดชอบจัดการเรียนการสอนเพื่อการแก้ปัญหาเป็นการ เฉพาะ ครูคนหนึ่งจะรับผิดชอบเด็กได้ไม่เกิน 4 กลุ่ม หรือไม่เกิน 80 คน
(4) ครูอาสาจัดกิจกรรมการเรียนการสอนกลุ่มละ 1 ชั่วโมงต่อวัน ดังนั้น ถ้ามีเด็ก 4 กลุ่มก็จะต้องสอนวันละ 4 รอบ รอบละ 1 กลุ่มต่อ 1 ชั่วโมง ดังนั้น ครูอาสาที่รับผิดชอบสอนวันละ 4 กลุ่ม ควรจะต้องว่างจากภารกิจอื่นอย่างสิ้นเชิง เพื่อจะได้ทุ่มเทเวลาเพื่อกิจกรรมการสอนแก้ปัญหาอย่างแท้จริง
(5) ครูเขียนชาร์ตประกอบการสอนตามแบบฝึกในหนังสือ เด็กอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้แก้ง่ายนิดเดียว ดำเนินการสอนไปตามลำดับเนื้อหาอย่างครบถ้วน โดยใช้กิจกรรมการสอนแบบบันไดทักษะ ๔ ขั้นทุกชั่วโมง คือ
ขั้นที่หนึ่ง แจกลูก ให้ผูกจำ
ขั้นที่สอง อ่านคำ ย้ำวิถี
ขั้นที่สาม คัดลายมือ ซ้ำอีกที
ขั้นที่สี่ เขียนคำบอก ทุกชั่วโมง
(6) ครูดำเนินการสอนแก้ปัญหาไปจนครบถ้วนเนื้อหาเป็นเวลาไม่น้อยกว่ากลุ่มละ 90 ชั่วโมง หรือไม่น้อยกว่า 4 เดือน หรืออาจเกินกว่าเวลาที่กำหนดนี้ก็ได้ ทั้งนี้ให้ถือเอาความมีสัมฤทธิผลของทักษะของเด็กแต่ละกลุ่มและแต่ละคนเป็น สำคัญ
(7) เมื่อสอนครบตามเนื้อหาให้ครูนำคำทดสอบ 50 คำใช้ครั้งแรกก่อนเข้าโครงการมาทดสอบให้เด็กเขียนตามคำบอกอีกครั้ง เพื่อเปรียบเทียบพัฒนาการและผลสัมฤทธิ์ในการแก้ปัญหา (โดยทั่วไป ถ้าครูอาสาดำเนินการอย่างครบถ้วนตามเนื้อหาแบบฝึก กระบวนการ และขั้นตอนต่างๆ ดังที่กล่าวแล้ว โดยไม่มีปัญหาหรืออุปสรรคแทรกซ้อน จะได้ผล 100%)
(8) จัดทำรายงานสรุปผลการดำเนินโครงการเสนอผู้บริหารให้ทราบ
ผลที่ได้ คือ หลังจากที่ทางโรงเรียนได้จัดทำโครงการนี้ขึ้นมาปรากฏว่านักเรียนที่อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้มีพัฒนาการที่ดีขึ้น สามารถเขียนตามคำบอกได้ และอ่านออกเสียงได้ชัดเจน
5. ขั้นตอนในการดำเนินงาน
1. สมาชิกแต่ละคนเสนอปัญหาที่พบในการเรียนการสอนของโรงเรียนแต่ละคน
1. มีสื่อหรือสิ่งเร้าที่ทำให้เกิดการยั่วยุไปในทางที่ผิดๆ
2. ปัญหาทางด้านครอบครัว
3. นักเรียนขาดทักษะกระบวนการ ( ขาดการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ )
4. นักเรียนอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้
5. การขาดสื่อการเรียนการสอนที่ทันสมัย
6. การขาดเทคโนโลยีทางด้านการศึกษา
2. สมาชิกแต่ละคนช่วยกันเลือกปัญหาที่คิดว่าน่าจะเป็นปัญหาที่สำคัญที่สุดในการจัดการเรียนการสอนและเป็นปัญหาที่ควรได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน
ปัญหาที่เลือก
ในการจัดการเรียนการสอน พบปัญหา คือ นักเรียนอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ของโรงเรียนพรชัยวิชชาลัย
3. วางแผนการปฏิบัติงานโดยแบ่งหน้าที่ให้สมาชิกแต่ละคนทำ
4. สมาชิกทุกคนลงพื้นที่เพื่อสำรวจ ศึกษาหาข้อมูล รวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมที่โรงเรียนพรชัยวิชชาลัย
5. สัมภาษณ์ ผอ. เก็บข้อมูล
6. รวบรวมข้อมูล
7. วิเคราะห์ข้อมูล
8. จัดทำเอกสาร
9. สรุปผลการดำเนินงาน
6. ปัญหาและอุปสรรคที่เกิดในการดำเนินงาน
1.เวลาว่างของสมาชิกแต่ละคนในกลุ่มไม่ค่อยตรงกัน
2.บ้านของสมาชิกแต่ละคนในกลุ่มอยู่ไกลกันจึงทำให้การปรึกษาหารือเรื่องการทำงานเป็นไปด้วยความยากลำบาก
3.การเดินทางค่อนข้างลำบากเนื่องจากโรงเรียนมีระยะทางที่ค่อนข้างไกล
4.เนื่องจาก ผอ. มีภาระหน้าที่ค่อนข้างเยอะ จึงทำให้มีเวลาในการสัมภาษณ์น้อยและเร่งรีบ
7. แผนการพัฒนานวัตกรรมเพื่อสนับสนุนส่งเสริมให้การพัฒนาการเรียนการสอนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

นายณัฐพงษ์ โพนสูง รหัส 58723713220
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น